รูปภาพประกอบ |
ครม.สัญจรภาคใต้ นายกรัฐมนตรีระบุแผนการพัฒนาภาคใต้และภาคใต้ชายแดน เน้นการเชื่อมโยงทางโครงข่ายคมนาคมทั้งระบบรองรับการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของภาคใต้
นายกรัฐมนตรีระบุแผนการพัฒนาภาคใต้และภาคใต้ชายแดน เน้นการเชื่อมโยงทางโครงข่ายคมนาคมทั้งระบบรองรับการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของภาค และพัฒนาให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ภาคใต้
ที่ม.เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จ.สงขลา: เมื่อวันที่ 28 พ.ย.60
เวลา 14.00 น. ณ อาคารวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 3/2560
ท่าน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ได้กล่าวถึงแผนการพัฒนาภาคใต้และภาคใต้ชายแดนว่า
รัฐบาลให้ความสำคัญกับจังหวัดภาคใต้และภาคใต้ชายแดน เพราะทั้งหมดคือประเทศไทย
โดยภาคใต้ถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเกษตร ประมง
การท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรม
ซึ่งแม้ภาคใต้จะมีความแตกต่างทางด้านศาสนาและวัฒนธรรมแต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้แบบสังคมพหุภาคี
โดยรัฐบาลมีหน้าที่ที่จะต้องขับเคลื่อนทุกภาคส่วนในภาคใต้และภาคใต้ชายแดนให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนด
โดยเฉพาะการสร้างการเชื่อมโยงทางกายภาพในเรื่องโครงข่ายคมนาคมทั้งระบบ
ทั้งทางบก ทางทะเล ทางอากาศ และระบบราง (รถไฟทางคู่
การขยายรถไฟเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน) การปรับปรุงด่านศุลกากร การเจรจาเชื่อมต่อระหว่างกันเรื่องการขนส่งการสัญจรไป-มา
ทั้งสินค้าและประชาชน รองรับการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในพื้นที่
รวมถึงการค้นหาศักยภาพในพื้นที่ให้พบเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาภาคใต้ไปสู่เป้าหมาย
โดยเฉพาะด้านการเกษตร จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็ว
รวมไปถึงการสร้างความเจริญเติบโตและเข้มแข็งจากภายในให้เกิดขึ้นในท้องถิ่นและภูมิภาค
อันจะส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตโดยรวมของประเทศ ทั้งนี้ภายใน 1 ปี รัฐบาลจะพยายามดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
โดยจะเร่งรัดจัดสรรงบประมาณลงไปในพื้นที่เพื่อให้ถึงมือประชาชนได้มากที่สุด
โดยท้องถิ่นเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการภายใต้กฎหมายที่กำหนดและเป็นไปอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ
และเกิดความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน
สำหรับการเชื่อมโยงด้านการขนส่งและระบบโลจิสติกส์กับประเทศเพื่อนบ้านภายในอาเซียน
รัฐบาลได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนงาน IMT-GT (ไทย
มาเลเซีย และอินโดนีเซีย)
ซึ่งขณะนี้บางเรื่องอยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษาในรายละเอียดและความคุ้มค่า
รวมถึงคำนึงถึงความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนการแก้ไขปัญหาประมงในภาคใต้นั้น นายกรัฐมนตรี
กล่าวว่า ต้องดำเนินการแก้ไขปรับปรุงให้สอดคล้องกับ IUU และดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งกฎหมายในประเทศและต่างประเทศ
โดยคำนึงถึงการรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำและธรรมชาติที่มีอยู่ควบคู่ไปพร้อมกัน
รวมทั้งการดำเนินการต่าง ๆ ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการทำประมงพื้นบ้าน
และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ ขณะที่การใช้อุปกรณ์จับปลาต้องเป็นไปอย่างเหมาะสม
ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำและสภาพแวดล้อม คำนึงถึงผลประโยชน์โดยรวมเป็นสำคัญ
อันจะทำให้สามารถป้องกันปัญหาการกีดกันทางการค้าจากต่างประเทศได้
โดยยืนยันรัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอจากทุกฝ่ายดังกล่าวตามข่าว
(PR.โฆษกรัฐบาล/ข้อมูล/ปอ มหาชน/รายงาน) นสพ.นิวส์มหาชนนำเสนอข่าวเข้าไปดูข่าวได้ที่...www.news-mahachon.com