รูปภาพประกอบ |
ท่าน พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 มาเป็นประธานเปิด กิจกรรมรณรงค์ป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า และ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5 ประจำปี 2565) โดยมีท่านอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ มาร่วมงานด้วย ท่านแม่ทัพภาค3 มอบนโยบายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือ เตรียมพร้อมป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ตามนโยบายของรัฐบาลตามข่าว
ที่ กองบัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2565 ณ.ที่ บริเวณลาน ด้านหน้า กองบัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ท่าน พลโทอภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 พื้นที่ภาคเหนือ ประจำปี 2565 โดยมีท่าน อรรถพล เจริญพรรษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และท่าน ประจญ ปรัญช์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อบูรณาการกำลังพลยุทโธปกรณ์ ร่วมกับส่วนราชการเตรียมความพร้อมป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีเป้าหมายกำหนดเป้าหมายสำคัญ 6 ดอย 19 รอยต่อ 8 พื้นที่เสี่ยง โดยลดจุดความร้อนและพื้นที่เผาไหม้ลง ร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกหน่วย งานโดยมีประชาชนเป็นกำลังหลักในการแก้ไขปัญหา
จากนั้นท่าน แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ร่วมประชุมและมอบนโยบายการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ ประจำปีงบประมาณ 2565 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือผ่านระบบ VDO Conference โดยขอให้ทุกจังหวัด ยึดนโยบายรัฐบาล ที่จะลดปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองให้ลดลงกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 20 พร้อมให้จังหวัดบริหารงาน แบบ Single Command โดยจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ บูรณาการหน่วยงานแก้ไขปัญหาร่วมกัน ที่สำคัญให้ทุกจังหวัดนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย ถูกต้องและเชื่อถือได้ มาช่วยในการตรวจวัดค่าคุณภาพอากาศ จุดความร้อน รวมถึงข้อมูลที่สำคัญอื่นๆ เพื่อประกอบการบริหารจัดการในการแก้ไขปัญหา ตลอดจนส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามาแก้ไขปัญหาในถิ่นที่อยู่อาศัยของตนเอง ขณะเดียวกันการประกาศห้ามเผาของแต่ละจังหวัด อย่างน้อยให้ครอบคลุมห้วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม 2565 นี้
ท่าน พลโทอภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า สภาพภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เป็นปัจจัยทำให้เกิดปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องร่วมมือร่วมใจ โดยการจัดการเชื้อเพลิงและลดความร้อน พร้อมจัดทำแผนปฏิบัติการในทุกระดับ ที่เน้นการป้องกันแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ลดการเผาในทุกพื้นที่ โดยใช้แนวทางการบริหารจัดการ อันประกอบด้วย ระบบบัญชาการเหตุการณ์ ,การกระจายข่าวสารพร้อมความรู้ การจัดการเชื้อเพลิง และการมีส่วนร่วมของประชาชน ทั้งนี้กองทัพภาคที่ 3 พร้อมที่จะสนับสนุนกำลังพล และยุทโธปกรณ์ เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาในทุกพื้นที่ ตามที่ได้รับการประสานอย่างเต็มขีดความสามารถดังกล่าวตามข่าว(ปอ คุ้มพระลอ - รายงาน)นสพ.นิวส์มหาชนออนไลน์ทั่วโลกนำเสนอข่าวเข้าไปดูข่าวได้ที่...www.news-mahachon.com