รูปภาพประกอบ |
ท่าน เศรษฐา ทวีสิน นายกฯมาประชุมความก้าวหน้าในการป้องกันปราบปรามไฟป่า ท่านพล.ท.ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 น้อมรับบัญชาการตามคำสั่งนายกให้ช่วยเหลือประชาชน สกัดไฟป่าให้หมดไปมีท่าน อรรถพล เจริญพรรษา อธิบดีกรมอุทยานฯและท่าน
นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ น้อมรับนโยบาย
พร้อมปฎิบัติเอาจริงตามข่าวดังกล่าว
ที่ศูนย์ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 67 ผู้สื่อข่าว ศูนย์ข่าวนิวส์มหาชนออนไลน์ทั่วโลกได้รายงานเข้ามาว่า ท่าน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมี ท่าน เกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, ท่าน ไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ท่าน
เถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ท่าน อรรถพล เจริญพรรษา อธิบีดีกรมอุทยานฯ และ ท่าน พล.ท. ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วย ท่าน นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมติดตามลงพื้นที่และเข้าร่วมประชุมเพื่อรับนโยบายบายแก้ไขอย่างจริงจังดังกล่าว
ทันทีที่นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงได้เข้าร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาจุดความร้อนในพื้นที่ภาคเหนือ โดยได้ประชุมทางไกลกับหน่วยงานในสังกัดกรมป่าไม้ และหน่วยงานภาคสนาม 3 แห่ง ประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติแม่ปิง อุทยานแห่งชาติศรีน่าน และอุทยานแห่งชาติสาละวิน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการลงพื้นพบปะพูดคุยกับหลายภาคส่วนพบว่าจุดความร้อนในปีนี้ลดลงจาก 50 จุด เหลือเพียง 10 กว่าจุด เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีของการเริ่มต้นแก้ปัญหาฝุ่นควัน อันจะส่งผลให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวของภาคเหนือดีขึ้น โดยได้ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันบูรณาการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ปัญหาฝุ่นควันเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศ ซึ่งจากข้อมูลที่ปรากฏใน Gistda พบว่าในประเทศกัมพูชามีจุดความร้อนจำนวนมาก ด้วยในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ เป็นช่วงฤดูกาลเผาป่าของประเทศกัมพูชา ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้นายกรัฐมนตรีได้ติดต่อประสานงานกับนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา เพื่อหารือแนวทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกัน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ทุกภาคส่วนเตรียมรับมือและเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้านี้ โดยขอให้เตรียมยุทโธปกรณ์ให้พร้อม และดูแลชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทุกคน ตลอดจนให้ทุกหน่วยบูรณาการร่วมกับทหาร ตำรวจ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม เพื่อคืนอากาศที่สะอาดให้กับประชาชน
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ตรวจเยี่ยมจุดตรวจ จุดสกัด และจุดเฝ้าระวัง ก่อนร่วมทำแนวกันไฟกับมวลชนในพื้นที่ พร้อมมอบเสบียงอาหารแก่เจ้าหน้าที่ชุดดับไฟ และเยี่ยมชมอุปกรณ์เทคโนโลยีและอากาศยาน รวมถึงชมการสาธิตการดับไฟป่าทางอากาศยานด้วย
ต่อมาท่าน พล.ท. ท่าน ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้เผยกับคนข่าวว่า ตนเอง ได้ร่วมการประชุมฯ (ในการแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่าและการเชื่อมโยงระบบขนส่งและเดินทางในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย) โดยมี ท่าน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ณ ห้องประชุม กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ โดย มีท่าน นายกรัฐมนตรีเป็นประธานฯและท่านได้ขอให้กองทัพบกพร้อมด้วย กอ.รมน.สนับสนุนกำลังพลในการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ร่วมกับส่วนราชการต่างๆ สนับสนุนยานพาหนะในการขนเศษวัสดุทางการเกษตรจากพื้นที่เพาะปลูกมายังศูนย์รับซื้อวัสดุและ นำอากาศยาน จาก ทบ.ปฏิบัติภารกิจร่วมกับหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งได้ร่วมตรวจความพร้อมการปฎิบัติการฝนหลวง เพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง ณจุดจอดอากาศยานกรมฝนหลวง และการบินเกษตร กองบิน41และมอบหมายให้พลตรีวิทยา แก้วพรม รองแม่ทัพภาคที่ 3 ติดตามคณะตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าเชียงใหม่ (ฐานฤาษี) โดยได้ข้อสรุปว่าการลดจุดความร้อน (Hotspot) และการทำแนวกันไฟต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมมือกันอย่างจริงจัง ประสานงานอย่างใกล้ชิดทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน และ รัฐบาล เป็นส่วนหนึ่ง ในการแก้ไขปัญหา โดย มีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลัก ส่วนไหนที่ขาดแคลน ยุทโธปกรณ์ ก็ใช้การบูรณาการร่วมกัน และ เน้นย้ำ ให้ ทุกหน่วยงาน ดูแลความปลอดภัย และ ขวัญกำลัง ใจของ จนท.ที่ปฏิบัติงานหลักจากนั้น ได้ร่วมทำแนวกันไฟ ชมสาธิต การฝึกดับไฟป่า และการชมสาธิตการดับไฟป่า ทางอากาศ เพื่อให้คณะฯได้เห็นภาพการปฏิบัติในการปฏิบัติงานของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามข่าวดังกล่าว (เสรี มหาชน – รายงาน ) ศูนย์ข่าวภาคเหนือนสพ.นิวส์มหาชนออนไลน์ทั่วโลกนำเสนอข่าวเข้าไปดูข่าวได้ที่...www.news-mahchon.com